จะดีแค่ไหน หากเราสามารถพักอาศัยอยู่ในคอนโดมีสวนสวยขนาดใหญ่อลังการ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งการใกล้แหล่งงาน และการเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดียามกลับมาพักผ่อนที่คอนโด
ทุกวันนี้โจทย์การเลือกซื้อเป็นเจ้าของคอนโดมีเนียมสักแห่ง ไม่เพียงแต่คำนึงถึงการใกล้แหล่งงานและระบบคมนาคมขนส่งอีกต่อไป หากแต่ยังต้องพิจารณาถึงพื้นที่สีเขียวส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดและเกื้อกูล พร้อมรับผู้พักอาศัยกลับมาชาร์จแบตพลังชีวิตอย่างเต็มที่เพื่อการทำงานในวันต่อ ๆ ไป
คอนโดมีสวน จึงเป็นที่หมายตาของคนทุกสถานภาพและทุกช่วงวัยซึ่งต้องการจับจองซื้อหาไว้เป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นคนโสด คู่รัก คนที่มีครอบครัวขนาดเล็ก หรือแม้แต่คนรักสัตว์ก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคโควิด-19 ผู้คนต่างอาศัยอยู่ที่บ้านหรือที่คอนโดของตนเองมากขึ้นตามแนวทาง New Normal โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพลังงานชีวิต เช่น การไปออกกำลังกายและสันทนาการตามสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ อาจไม่สามารถทำได้เป็นประจำอีกต่อไป
คอนโดมีสวนขนาดใหญ่จึงยิ่งมีความสำคัญ เพราะเป็นพื้นที่พักผ่อนเพียงแห่งเดียวใกล้ที่พัก เพียงออกจากลิฟท์มาก็อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว จนสามารถปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอ้อมกอดของธรรมชาติ ตลอดจนเป็นพื้นที่สร้างสรรค์กิจกรรมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว ยิ่งคอนโดมีเนียมแห่งไหนเน้นการออกแบบพื้นที่กิจกรรมที่เอาใจคนรักสัตว์ สามารถนำสัตว์เลี้ยงมาอยู่อาศัยและใช้พื้นที่สวนได้ ย่อมเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้ที่ตัดสินใจจะซื้อคอนโด วันนี้จะขอยกตัวอย่างคอนโดมีสวนซึ่งเป็นจุดขายที่โดดเด่น เช่น
- ไลฟ์ ลาดพร้าว แวลลีย์ บริเวณห้าแยกลาดพร้าว นอกจากวิวพานอรามาของสวนจตุจักรยังมีจุดขายที่พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บนสกายลูฟท์ท็อป
- วิสซ์ดอม เดอะฟอเรสเทียส์ ย่านบางนา ชูคอนเซ็ปต์ “feel the wild” กลับสู่ชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นหนึ่งในคอนโดมีสวนที่น่าสนใจ ด้วยพื้นที่สีเขียวและบึงน้ำขนาดใหญ่ที่พร้อมต้อนรับทุกสรรพชีวิตได้มาพักผ่อน จนลืมไปเลยว่าอยู่ในย่านเขตอุตสาหกรรมของกรุงเทพตะวันออก
ปัจจัยในการเลือกคอนโดมีเนียม จึงไม่ใช่เพียงแค่การใช้ชีวิตใกล้เขตเมือง แต่ยังต้องผสานพื้นที่ธรรมชาติเข้ากับไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนเมืองได้อย่างเกื้อกูล สอดรับแนวทางปกติวิถีใหม่อย่างกลมกลืน
